เด็กหนุ่ม 15 ถูกรุมกระทืบหน้าค่ายมวย เจ้าของค่ายมวยบอก กล้องวงจรปิดถอดออกไปแล้ว

เด็กหนุ่ม 15 ถูกรุมกระทืบหน้าค่ายมวย เจ้าของค่ายมวยบอก กล้องวงจรปิดถอดออกไปแล้ว

จากกรณีที่เด็กชายอายุ 15 ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ล็อกตัวไปทำร้ายร่างกายจนสลบ หน้าปูดบวม บอบช้ำทั้งร่างกาย ล่าสุดวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา มีรายงานว่านายอั๋น (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้ออกมาเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายอั๋นระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเวลา 23.00 น. ของวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา 

ตนได้ซ้อนรถจักรยานยนต์ของพี่ชายกลับมาจากเล่นเกมที่ร้าน เมื่อมาถึงที่หน้าค่ายมวยก็มีผู้ชาย 3 คนมายืนขวางรถและบอกให้จอด หนึ่งในนั้นเดินมาดึงกุญแจรถออกไป อีกทั้งยังเข้ามาค้นตัวพี่และกระชากเสื้อพี่ชายตน พี่ของตนตกใจจึงหนีไป จากนั้นตนก็ถูกล็อกตัวไปทำร้าย โดยมีคนเข้ามาสมทบอีกรวมประมาณ 10 คน หลังรุมกระทืบก็มีคนชักปืนออกมาขู่ว่าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะเอายาบ้ามายัดให้ตำรวจจับ

ขณะนั้น ตนสลบไปเพราะถูกทำร้ายอย่างหนัก จากนั้นก็มีคนเอาน้ำมาสาดจนตื่น และมีชาย 2 คนนำตัวไปส่งโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ช่วงเวลาประมาณ 01.30 น. จนกระทั่งช่วงเช้า ตนก็ได้โทรศัพท์เล่าเหตุการณ์ให้ครอบครัวฟัง และยืนยันว่าทั้งตนและพี่ชายไม่เคยรู้จักคนกลุ่มนี้มาก่อน และไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมาทำร้ายตนปางตายเช่นนี้

เรื่องนี้ ทางนายฉลาด (นามสมมติ) อายุ 42 ปี พ่อของผู้เสียหาย เล่าว่า ตอนที่ตนเห็นสภาพของลูกนั้น เข่าแทบทรุด ที่ผ่านมาลูกไม่เคยมีเรื่องกับใคร รวมทั้งยังเป็นคนสมาธิสั้น ยืนยันว่าไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่เคยได้ยินว่าซอยแถวค่ายมวยนั้นคือซอยเชือด ไม่มีใครอยากไปยุ่งด้วย ยอมรับว่าเกรงกลัวคู่กรณี แต่จะขอเอาเรื่องถึงที่สุด

ส่วนด้าน นางสุวารี กนกนาค เจ้าของค่ายมวย ส.สุวารี ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และวันที่เกิดเหตุตนกินยาและนอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ ที่บ้านประตูปิดสนิททุกวัน แต่ก็ไม่มีกล้องวงจรปิด เพราะถอดออกไปหลังเกิดเหตุยิงถล่มหน้าบ้านเมื่อปีที่แล้วแต่คดีไม่คืบ ส่วนตัวรู้ข่าวเด็กถูกทำร้ายจากเพื่อนบ้าน แต่ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ตนก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องนี้ได้อย่างไร และมองว่าคดีนี้แค่เรื่องเล็กนิดเดียว นอกจากนี้ คดีของตนเองไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้า

ขณะนั้น ตนไม่กล้าลงจากรถ และตกอยู่ในอาการหวาดกลัว เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกายจึงไม่กล้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังทันที่จะถ่ายรูปหน้าคู่กรณีที่ก่อเหตุไว้ได้ก่อนที่จะขับรถหลบหนีไป

จากรูปพรรณสันฐานคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20 ปีกว่าๆ ผมหยักศก สูงประมาณ 165 ซม. ร่างท้วม ผิวดำ-แดง ช่วงที่เกิดเรื่อง เป็นชั่วโมงเร่งด่วน มีผู้สัญจรหนาแน่น จึงมีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก และผุ้เสียหายได้ฝากว่า หากผู้ใดมีภาพบันทึกเหตุการณ์จากกล้องหน้ารถ รบกวนช่วยนำมาส่งมอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สน.บางนา เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานในสำนวนคดี เนื่องจากบริเวณจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด

ด้านเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรถเบนซ์ที่เกิดเหตุ และตำรวจกำลังไล่ตรวจภาพกล้องวงจกปิด เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี อย่างน้อย 2 ข้อหาคือ ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น และข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว

รวบไอ้หื่นร่วมกับเพื่อนรุมโทรมเด็ก 13 หลังหนีคดีนาน 16 ปี

วันนี้ (20 ก.ย.) ตำรวจได้รวบตัว นายเอกลักษณ์ หรือต้น ชาวนา อายุ 34 ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านคลอง 5 ถ.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาหนีคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี หลังก่อเหตุไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2546

เมื่อปี 2546 นั้น เด็กหญิงผู้เสียหายมีอายุ 13 ปี ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี และพบกับกลุ่มของนายเอกลักษณ์ ซึ่งมากับเพื่อน 4-5 คน โดยนายเอกลักษณ์ได้ออกอุบายว่าจะขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งเด็กหญิงที่บ้านพัก และให้เพื่อนของนายเอกลักษณ์ขับรถตามเป็นเพื่อน

แต่ระหว่างทางนายเอกลักษณ์ก็ได้เลี้ยวรถจักรยานยนต์ไปที่กระท่อมในป่าข้างทาง และได้ร่วมกับเพื่อนข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงผู้เสียหาย จากนั้นก็ให้เพื่อนของตนมารับตัวเด็กหญิงไปส่งบ้าน แต่เพื่อนของนายเอกลักษณ์รายนี้กลับไม่ได้นำตัวเด็กสาวไปส่งที่บ้าน และพาไปข่มขืนกระทำชำเราซ้ำที่บ้านพักของตนเอง จนวันรุ่งขึ้นจึงได้นำตัวเด็กหญิงส่งบ้าน

เมื่อผู้ปกครองของเด็กทราบเรื่อง จึงได้พาตัวเด็กไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเอกลักษณ์และพวก โดยศาลได้ออกหมายจับแล้ว แต่นายเอกลักษณ์ก็ได้หลบหนีมาตลอด จนตำรวจกองปราบสืบทราบว่านายเอกลักษณ์ได้หลบหนีมาตักไรแดงลูกน้ำขาย ตามบ่อปลาในพื้นที่จ.ปทุมธานีและจ.นครนายก และนำกำลังเข้าจับกุม

นายเอกลักษณ์ อ้างว่าตนได้ไปเที่ยวกับเพื่อนและเจอกับเด็กหญิงผู้เสียหายจริง แต่ตนไม่ได้ร่วมลงมือล่วงละเมิดทางเพศ เพียงแต่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อ

แต่การต่อสู้ของพวกเราเป็นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ยึดมั่นการกระทำที่รับผิดชอบ ไม่ได้ต้องการฝ่าฝืนกฎหมาย เราเคารพกฎหมายในกระบวนการยุติธรรม และน่าชื่นใจมากทุกกรณีทุกจังหวัดที่พวกเราถูกดำเนินคดี ไม่มีใครหลบหนีคดี

แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม